กฎหมายแรงงานการทํางานนอกสถานที่ควรรู้

กฎหมายแรงงานการทํางานนอกสถานที่ควรรู้

‘กฎหมายแรงงาน’ คือ กฎหมายบัญญัติขึ้นมาใช้ในการคุ้มครองแรงงาน ให้เกิดความยุติธรรมต่อทั้งลูกจ้างนายจ้าง มีมาตราจำนวนมากได้กำหนดกฎหมายของนายจ้างเอาไว้ และก็มีการพูดถึงสิ่งที่ลูกจ้างต้องกระทำด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งหนึ่งในปัญหาสำคัญของกฎหมายแรงงาน ก็คือ มีผู้คนไม่รู้กฎหมายแรงงานเยอะมาก ซึ่งช่องโหว่นี้อาจทำให้ถูกเอารัดเอาเปรียบได้

ลูกจ้างเองก็ต้องศึกษากฎหมายแรงงานไว้

ถ้าลูกจ้างไม่ศึกษากฎหมายแรงงานเอาไว้เสียบ้าง ก็เท่ากับว่าไม่ล่วงรู้ถึงสิทธิของตน และยิ่งโชคร้ายถ้าไปเจอนายจ้างหัวใสบางคนก็ใช้ช่องโหว่นี้เอาเปรียบลูกจ้างเสียเลย หากแต่ในอีกทางด้านหนึ่ง ก็มีนายจ้างจำนวนมากที่กระทำผิดกฎหมายแรงงาน เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ และต่อมาเมื่อเกิดเรื่องราวขึ้นก็ทำให้เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำให้คุณได้ทำความรู้จักกับ กฎหมายแรงงานในเรื่องการทำงานนอกสถานที่กัน

การจ่ายเงิน ในการทำงานนอกสถานที่

อ้างอิงตามมาตรา 65 ลูกจ้างมีอำนาจ หรือตามนายจ้างสั่งให้ทำงานอย่างหนึ่งใด ด้วยงานอันมีลักษณะต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ ซึ่งไม่อาจกำหนดเวลาได้ ไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามมาตรา 61 รวมทั้งค่าล่วงเวลาในวันหยุดตามมาตรา 63 ยกเว้นเสียแต่นายจ้างมีการตกลงจ่ายค่าล่วงเวลา หรือ ค่าล่วงเวลาวันหยุดให้แก่ลูกจ้าง

การทำงานนอกสถานที่ต้องตกลงกับนายจ้างให้ชัด

ต้องมีระบุในสัญญา ทางด้านกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า ในส่วนของการทำงานนอกสถานที่ จำเป็นต้องดูในสัญญาว่าจ้างว่ามีการระบุเงื่อนไขไว้อย่างไร โดยต้องจ่ายเงินค่าเดินทางเท่าไหร่ และมีการระบุไหมว่าต้องจ่าย ถ้าจ่ายจ่ายอย่างไร แต่ถ้าในสัญญาไม่ได้มีการระบุไว้ นายจ้างก็มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่จ่ายค่าเดินทางก็ได้

ลูกจ้างรายวันได้รับ แต่ลูกจ้างประจำไม่ได้รับ อ้างอิงตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 จากมาตรา 71 มีการระบุเอาไว้ว่าว่า เมื่อนายจ้างให้ลูกจ้างเดินทางไปทำงานในสถานที่แห่งอื่น ซึ่งไม่ใช่ทำงานปกติ อีกทั้งยังเป็นวันหยุดของลูกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างรายวันในการเดินทางนั้น หากผู้เป็นลูกจ้างประจำกลับไม่อยู่ในข่ายคุ้มครองของมาตรานี้

ทำงานต่างจังหวัดในวัน เสาร์ – อาทิตย์ – ในกรณีลูกจ้างต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด และทางบริษัทบังคับให้ต้องเดินทางในวันเสาร์ – อาทิตย์  ถ้าอ้างอิงจากหลักการนี้นายจ้างก็จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างในวันหยุด  หากแต่ในส่วนของค่าล่วงเวลาก็ไม่ได้ ตาม ม.72  หากแต่เบี้ยเลี้ยงก็เป็นสวัสดิการนายจ้างจะให้หรือไม่ก็ได้

ในส่วนของลูกจ้างงานนอกสถานที่ที่อาจทำให้คุณโดนไล่ออก !

สำหรับการฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงาน รวมทั้งการกระทำอันขัดต่อกฎหมายต่างๆของนายจ้าง ซึ่งเป็นเหมือนกฎหมายประจำบริษัท ซึ่งพนักงานงานทั้งหลายก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยถ้ามีการฝ่าฝืนก็อาจถูกตักเตือนลูกจ้างได้ แต่ถ้าลูกจ้างยังทำซ้ำอีก คราวนี้นายจ้างก็มีสิทธิไล่ออกได้ หากแต่อย่างไรก็ตามในกรณีร้ายแรงนายจ้างก็สามารถไล่ออกได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเตือนก่อนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ถ้าการทำความผิดเกิดขึ้น ในนอกเวลาทำงาน ในหลายๆเหตุการณ์ศาลอาจตีความว่าเป็นเรื่องเล็กได้ โดยถ้านายต้องการไล่ออก ก็จำเป็นต้องให้การตักเตือนออกเป็นหนังสืออย่างเป็นการทางเสียก่อน ถ้าไล่ออกทันทีในกรณีเกิดการกระทำผิดไม่ร้ายแรง นายจ้างก็จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย ยกตัวอย่างเช่น ลูกจ้างสวมใส่ชุดที่มีโลโก้ของนายจ้างไปเล่นไพ่หรือไปกินเหล้าอาละวาดเกิดการทะเลาะกับผู้อื่น หลังจากเลิกงานนอกสถานที่ทำงานหลังจากนั้นถูกตำรวจจับกุม ทางด้านศาลก็จะมองว่า ถึงแม้การกระทำเหล่านี้จะมีผลต่อทางด้านชื่อเสียงของนายจ้างอยู่บ้าง หากแต่ผู้กระทำผิดจริงๆ ก็คือ ลูกจ้างที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นจึงยังยกไม่ได้ว่าลูกจ้างฝ่าฝืนกฎของนายจ้างอย่างร้ายแรง