หากจะพูดถึงเรื่องศาลในประเทศไทยเองก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลยุติธรรม, ศาลปกครอง และศาลทหาร แต่ศาลที่ดูจะใกล้ชิดกับชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ มากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นศาลยุติธรรมที่ถือว่าเป็นศาลอันมีหน้าที่ในการพิพากษาคดีทั้งหมดทั้งมวล ยกเว้นคดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายได้บัญญัติขึ้นให้ศาลอื่นเป็นผู้ตัดสิน
จำนวนชั้นของศาลมีอะไรบ้าง
สำหรับศาลยุติธรรมหลักๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีหน้าที่ในการตัดสินคดีหรือมีสิทธิ์ในการตัดสินแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ศาลชั้นต้น – จะถูกแบ่งออกเป็นศาลประเภทต่างๆ ดังนี้
- ศาลแพ่ง มีอำนาจพิจารณาคดีแพ่งทั้งหมดและคดีอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นอื่นๆ
- ศาลอาญา มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานคร
- ศาลจังหวัด ประจำอยู่ในแต่ละจังหวัดหรือบางอำเภอ มีอำนาจพิจารณาคดีทั้งแพ่งและอาญาที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นอื่นๆ กรณียื่นฟ้องคดีกับศาลจังหวัดแต่คดีเกิดขึ้นในพื้นที่ศาลแขวงและยังอยู่ในอำนาจของศาลแขวง ศาลจังหวัดต้องโอนหน้าที่ไปให้ศาลแขวงดังกล่าว
- ศาลภาษีอากรกลาง มีอำนาจพิจารณาคดีเกี่ยวกับภาษีอากร ที่จะแตกต่างไปจากคดีแพ่งทั่วไป
- ศาลแรงงานกลาง มีอำนาจในการพิจารณาคดีแรงงานที่จะแตกต่างไปจากคดีทั่วๆ ไป ส่วนมาใช้วิธีในการไกล่เกลี่ย และการระงับข้อพิพาทเป็นหลัก
- ศาลอุทธรณ์ – เป็นศาลสูงสุดที่อยู่ถัดมาจากศาลชั้นต้นจะมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาเกี่ยวกับคดีที่มีการอุทธรณ์จากคำพิพากษาหรือจากอำนาจของศาลชั้นต้นที่อยู่ในเขตอำนาจ รวมถึงมีอำนาจในการวินิจฉัยคดีที่ศาลอุทธรณ์มีคำอำนาจให้ทำการวินิจฉัยได้จากกฎหมายอื่นในช่วงของเขตพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในเขตศาลอุทธรณ์ภาค ยกเว้นคดีที่อยู่นอกเหนือจากเขตศาลอุทธรณ์จะทำการอุทธรณ์ต่อศาลก็ได้ ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ในดุลยพินิจของศาลเพื่อทำการรับอุทธรณ์ในคดีต่างๆ
ศาลฎีกา – เป็นศาลชั้นสูงสุดที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีที่มีการยื่นอุทธรณ์เพื่อพิพากษา ตามบทบัญญัติที่ว่าด้วยเรื่องของการฎีกา นอกจากนี้ยังมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในคดีที่ศาลฎีกามีอำนาจในการวินิจฉัยได้ตามกฎหมายอื่นๆ ซึ่งอย่างน้อยจะต้องประกอบไปด้วยผู้พิพากษา 3 ท่าน แต่ก็มีในบางกรณีที่อาจต้องใช้มากกว่านั้นหากว่าเป็นคดีที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งศาลฎีกายังมีการแยกออกเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาสำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อใช้สำหรับพิจารณาคดีที่มีนักการเมืองเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นการตัดสินที่ถูกแยกออกไปอย่างชัดเจน